ทุกวันนี้มนุษย์ออฟฟิตจำนวนมากใช้คอมพิวเตอร์ติดต่อกันมากกว่า 2 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งมีสถิติพบว่า ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ดังกล่าวกว่า ร้อยละ 50 มีอาการปวดตา ตามัว ตาแห้ง สายตาล้า และปวดศีรษะทำให้มีความเสี่ยงในการเกิดปัญหาสุขภาพตามากที่สุด จึงสาเหตุของโรคตาที่มากับจอคอมพิวเตอร์ มาเชคสุขภาพตาของคุณต่อไปนี้ว่ามีอากาศอยู่ในกลุ่มขอโรคตาใดบ้าง ?
1. โรคคอมพิวเตอร์วิชชันซินโดรม
อาการที่มักพบ : มองเห็นภาพซ้อน , ตาโฟกัสช้า . เคืองตา เเสบตา ตาเเห้ง ดวงตาล้า
2. โรคจอประสาทตาเสื่อม
อากาศที่มักพบ : เห็นภาพซืด , อ่านหนังสือลำบาก , เเยกเเยะหน้าคนยาก , เห็นจุดดำที่ศูนย์กลางภาพ
3. โรคต้อหิน
อาการที่มักพบ : ตาพร่ามัว , เวียนหัว , คลื่นไส้ อาเจียน , เห็นดวงไฟเป็นรัศมี
4. โรควุ้นในตาเสื่อม
อาการที่มักพบ : เห็บคราบดำลอยไปมา , มองไม่เห็นเเบ็คกราวน์
ดั้งนั้นเราควรนั่งใช้งานจอคอมพิวเตอร์ให้ถูกต้องตามวิธีดั่งนี้
1. จัดตำแหน่งการทำงานให้เหมาะสม แสงสว่างเพียงพอ ไม่มีแสงจากหน้าต่างส่องเข้าตาโดยตรง โต๊ะ เก้าอี้ สูงพอเหมาะ จัดระดับของจอภาพให้อยู่ต่ำกว่าสายตาประมาณ 10 - 20 องศา
2. ควรมีการหยุดพักสายตาเป็นระยะ โดยทุกๆ 20-30 นาที ให้พักสายตาจากจอคอมพิวเตอร์ โดยมองไปบริเวณพื้นที่กว้างหรือนอกหน้าต่าง เพื่อลดการเพ่งของสายตาประมาณครึ่งถึงหนึ่งนาที
3. กระพริบตาประมาณ 10-15 ครั้งต่อนาที เพื่อป้องกันภาวะตาแห้งหรือให้หลับตาพัก 3-5 วินาทีบ่อยๆ เพื่อให้น้ำหล่อเลี้ยงลูกตามาฉาบ ให้ความชุ่มชื้นต่อลูกตา และอาจพิจารณาใช้ยาหยอดตาชนิดน้ำหล่อเลี้ยงลูกตาเทียม เพื่อบรรเทาอาการแสบตา
4. การใส่แว่น จะช่วยผู้ที่อาจมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของสายตา ให้ปวดเมื่อยล้าตาง่าย เช่น คนสายตาเอียง หรือผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป ซึ่งจะมีปัญหาเวลามองใกล้
หากเราสามารถนั่งใช้งานคอมพิวเตอร์ใด้ถูกต้องก็จะช่วยป้องกันสุขภาพของดวงตาให้เเข็งเเรง เเละคงอยู่กับเราได้นานเท่านาน
InfoGraphics : Infographic Thailand
ติดตามเพิ่มเติมได้ที่ : http://infographic.in.th/infographic/533
|